การดูแลห้องครัวที่สะอาดและมีกลิ่นหอมสดชื่นถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การทำอาหารที่น่าพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม บางครั้งคราบและกลิ่นก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะขจัดออก ทำให้ห้องครัวสะอาดและมีกลิ่นหอมสดชื่นเพื่อสภาพแวดล้อมในการทำอาหารที่สนุกสนานยิ่งขึ้น เคล็ดลับบางประการที่จะช่วยคุณแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมีดังนี้
การกำจัดคราบคราบไขมัน:ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำในปริมาณเท่าๆ กันเพื่อเช็ดคราบไขมันออกจากเคาน์เตอร์ เตาตั้งพื้น และผนัง สำหรับคราบที่ฝังแน่น ให้โรยเบกกิ้งโซดาบริเวณนั้นก่อนเช็ด
คราบกาแฟและชา:แช่ถ้วยหรือหม้อที่เปื้อนในสารละลายเบกกิ้งโซดากับน้ำ หรือใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำเพื่อขัดคราบออก
คราบอาหารที่ไหม้:สำหรับคราบอาหารที่ติดแน่นบนหม้อและกระทะ ให้เติมน้ำลงในภาชนะที่ได้รับผลกระทบแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย นำส่วนผสมไปต้มแล้วปล่อยให้เย็นก่อนใช้ฟองน้ำขัดถู
คราบสนิม:โรยเกลือให้ทั่วบริเวณที่เกิดสนิมแล้วบีบมะนาวหรือน้ำมะนาวลงไป ปล่อยทิ้งไว้สักสองสามชั่วโมงแล้วขัดด้วยฟองน้ำหรือแปรง
กำจัดกลิ่น:
เบกกิ้งโซดา:วางกล่องเบกกิ้งโซดาแบบเปิดไว้ในตู้เย็นเพื่อดูดซับกลิ่น คุณยังสามารถโรยเบกกิ้งโซดาบนพรม พรม หรือเบาะก่อนดูดฝุ่นเพื่อกำจัดกลิ่นอาหาร
น้ำส้มสายชู:ต้มน้ำส้มสายชูบนเตาเพื่อดับกลิ่นรุนแรง เช่น กลิ่นปลาหรืออาหารไหม้ คุณยังสามารถทิ้งชามน้ำส้มสายชูไว้บนเคาน์เตอร์ข้ามคืนเพื่อดูดซับกลิ่นที่ยังคงอยู่
เปลือกมะนาว:ใส่เปลือกมะนาวลงในเครื่องกำจัดขยะแล้วเทน้ำเย็นเพื่อกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ คุณยังสามารถเคี่ยวเปลือกมะนาวบนเตาเพื่อทำให้อากาศในห้องครัวสดชื่นได้
มาตรการป้องกัน:
ทำความสะอาดเป็นประจำ:เช็ดเคาน์เตอร์ โต๊ะ และพื้นผิวอื่นๆ เป็นประจำเพื่อป้องกันคราบและกลิ่นไม่ให้สะสม
การระบายอากาศที่เหมาะสม:ใช้เครื่องดูดควันหรือหน้าต่างแบบเปิดขณะปรุงอาหารเพื่อลดการสะสมของกลิ่นในการปรุงอาหาร
การบำรุงรักษาถังขยะ:ล้างถังขยะเป็นประจำและล้างถังขยะด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเพื่อป้องกันกลิ่น
ด้วยการปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณสามารถขจัดคราบและกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ในห้องครัวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ห้องครัวสะอาดและมีกลิ่นหอมสดชื่นเพื่อสภาพแวดล้อมในการทำอาหารที่สนุกสนานยิ่งขึ้น